Sunday, April 13, 2014

แบ็คแพ็คพม่า 6 วัน Part 3 Mandalay

---------------------------------------------------------------------------

มัณฑะเลย์ 

---------------------------------------------------------------------------
วันนี้ตื่นเช้าอีกแล้ว ทานอาหารในโรงแรมค่ะ บอกเค้าให้จัดรอก่อนเวลาปกติ เพราะต้องบินจากนองอู (พุกาม) ไป มัณฑะเลย์แต่เช้าเลย
อาหารเช้าจะเป็นผลไม้ กับขนมปังแยมค่ะ บนโต๊ะ ที่เป็นลูกเขียวๆซื้อมาจากตลาดมะวานค่ะ รสชาติคล้ายๆแตงไทย อันนี้คงแตงพม่า อิอิ

ใช้บริการแท็กซี่คนเดิมค่ะ มะวานค่ะ ให้มาส่งที่สนามบิน มาตรงเวลาดีค่ะ

คนนี้เป็นคนพม่าคนเดียวที่เราว่าเค้าเป็นคนอ้วนอะ นอกนั้นไม่เจออีกเลย


ถึงแล้ว สนามบินมัณฑะเลย์  พอรับกระเป๋าเสร็จก่อนออกจากเกท ก็จะมีแท็กซี่นายหน้ามารุมตามปกติ บอกว่า ไปในเมือง 26,000 จั๊ต (ถ้าจำไม่ผิด)เขาบอก วอเตอร์เฟสติวัล เลยแพง เราไม่เอา ขอเดินออกไปดูข้างนอกก่อน  เหมือนด้านนอกจะเรียก 36000 หรือยังไงเนี่ยแหล่ะค่ะ แต่แพงมาก เราเลยรีบกลับเข้ามาด้านใน เพื่อเดินไปหาเคาเตอร์แท็กซี่ที่เสนอราคาตอนแรก แต่ คนนั้นไม่อยู่แล้ว และราคาก็ขึ้นแล้ว OMG คิดอยู่สักพักว่าจะทำไงดี ก็เดินไปเจอคนคนนึงคล้ายๆคนขับแท็กซี่กำลังจะเดินออกนอกแอร์พอร์ท เลยถามไปว่าเป็นคนขับแท็กซี่ใช่ไหม เค้าก็บอกว่าใช่ เราก็บอกว่า จะเข้าเมืองขอราคานี้ได้ไหม (26,000) คนขับต่อรอง ขอ 28,000 เราก็ โอเค ได้แท็กซี่สองคันเลย 

แล้วก็บอกเค้าว่าไป Fortune Hotel เค้าบอกว่า อ๋อ รู้จัก ยังไม่ได้บอกที่อยู่เลยอะ โรงแรมนี้มีอยู่ 4 ชั้น ไม่นับชั้นแรก ไม่มีลิฟท์ ใครพาผู้สูงอายุไปสามารถต่อรองกับรีเซฟชั่นให้เค้าเปลี่ยนชั้นได้ ห้องน้ำจะมี ชั้น 4 ที่เราอยู่ กับชั้น 1 ห้องอาบน้ำก็โอเค ใช้ได้ค่ะ พูดในฐานะคนธรรมดา กินง่ายอยู่ง่ายนะคะ คือ ก็มีฝักบัว ที่แขวนผ้าเช็ดตัว แค่นั้นน่ะค่ะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่อีกห้อง เป็นชักโครกมีสายฉีด ใช้สบาย

อ่อ จากสนามบินเข้ามาตัวเมืองมัณฑะเลย์ไกลมากค่ะ ให้กะเวลาสัก 1 ชั่วโมงเลย ช่วงนี้สงกรานต์ รถเยอะด้วยค่ะ หลังจากนั้น ก็เริ่มวางแผนกับรีเซฟชั่นโรงแรมว่าจะไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ได้ยังไง ไกลกันมากไหม เนื่องจากวันที่ไป ตรงกับวันสงกรานต์ทั้งไทยและพม่า พระราชวังมัณฑะเลย์ปิดค่ะ!!! เศร้าแปป 
สถานที่แห่งนั้นปัจจุบันเหมือนเป็นที่ของทหาร ไม่แน่ใจว่ายังไงนะคะ เค้าก็เลยปิดไม่ให้เข้าเฉพาะช่วงนี้ค่ะ 

เลยไป
มินกุน เจดีย์ที่ถ้าสร้างเสร็จจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เขาสกาย
สะพานไม้อูเบ็ง ค่ะ 
ส่วนวัดมหามุนี ไปพรุ่งนี้เช้าค่ะ เพราะเค้ามีพิธีล้างพระพักต์ตอนตี 4 ของทุกวัน


ถึงแล้วค่ะ เจดีย์มินกุน คนขับรถที่เหมามา มาส่งถึงหน้าเจดีย์เลยค่ะ ตื่นมาเจอก็ตกใจ ถึงแล้วเหรอ เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โอ้โหหหห มันใหญ่มากก
สามารถไปเจดีย์มินกุนได้ 2 วิธีนะ วิธีแรกที่เตรียมไปคือ ต้องนั่งเรือไปอะค่ะ แต่ขึ้นรถก็หลับเลย ระยะทางนานมาก น่าจะเกือบ2 ชั่วโมงได้ คนขับต้องคอยระวังเวลาคนสาดน้ำ เด็กๆ อะไรแบบนี้ค่ะ จะอยู่ใกล้ถนน อันตรายเหมือนบ้านเราเลย แต่ไม่ถี่เหมือนบ้านเรานะคะ 

ไปถึง ทุกคนหิวมากค่ะ เลยนั่งทานอาหารกันแถวนั้นก่อน ก็มีเด็กน้อยคนนึงมาบริการพวกเราตั้งแต่ตอนลงจากรถเลยค่ะ
 ไปส่งพวกเราเข้าห้องน้ำ ช่วยพวกเราสั่งอาหาร แกพูดภาษาอังกฤษได้บ้างค่ะ ช่วยอธิบายประวัติเกี่ยวกับเจดีย์มินกุน ถ้าถามนอกเรื่องก็จะไม่ค่อยรู้แล้วอะค่ะ อย่างเราเคยถามว่า ปกติชาวพม่าแต่งงานกันตอนอายุประมาณเท่าไหร่ แกตอบเรื่องอื่นเฉยเต่าเอือม



เดินเข้าไปไหว้พระ แล้วก็ออกมาค่ะ ด้านในเป็นแค่ห้องเดียว มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ แล้วก็ลงมา

เจดีย์มินกุนนี้ พระเจ้าปดุงเป็นผู้รับสั่งให้สร้างขึ้น หากว่าแล้วเสร็จก็จะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อครั้งมีแผ่นดินไหวไม่นานนี้ ก็ไม่อนุญาตให้คนเดินขึ้นไปชมด้านบนของเจดีย์ได้แล้วค่ะ 

จากเจดีย์มินกุน สามารถเดินไปชมระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เหมือนกัน อยู่ไม่ไกลกันมาก 
มีเรื่องราวกล่าวไว้ว่า หลังจากที่สร้างระฆังยักษ์อันนี้เสร็จ กษัตริย์ก็มีรับสั่งให้ประหารนายช่างที่สร้างระฆังนี้ให้หมด เพื่อที่จะได้ไม่ไปสร้างระฆังแบบนี้ให้กับที่อื่นต่อไป มีหลายที่นะคะ ที่กษัตริย์ชาวพม่ามอบหมายงานช่างฝีมือให้สร้าง หรือทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วก็ให้ปลิดชีวิตตัวเองบ้างหรือประหารชีวิตบ้าง น่าสงสารมากค่ะ 



มองไปเห็นต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆระฆัง สวยดีค่ะ เลยไปถ่ายรูปกัน 

และใกล้ๆบริเวณนี้ก็ยังมีอีกที่นึง ซึ่งถูกเปรียบเปรยดั่งทัชมาฮาล เนื่องจากความเป็นมาคล้ายกัน คล้ายกับจะเป็นสุสานแห่งความรัก 
ไกด้น้อยชาวมินกุนก็พาเราเดินไปดูค่ะ เดินไม่เกิน 10 นาที ก็ถึง 

ไม่ได้เข้าไปข้างในนะคะ ตอนนั้นร้อนและแสบตาเพราะความขาวมากก อิอิ

เจอเณรน้อยด้วยค่ะ

น้องสาวชาวมินกุนก็ ช่วยไปครองผ้าให้กับเณร ที่นี่ ผู้หญิงแตะจีวรพระได้ด้วย = = หรืออย่างไรกัน เม่าแพนิค

เสร็จสิ้นการท่องเที่ยวหมู่บ้านมินกุน เราเลยขอถ่ายรูปกับไกด์ตัวน้อยด้วยซะเลย เรามาแลกหมวกกันถ่ายไหมๆๆๆๆ อิอิ 
เค้าก็ยอมแลก 


พอตอนถอดหมวก เหลือบไปเห็นสิ่งนี้ มันเป็นกระจกเล็กๆ ถูกติดเข้ากับด้านในของหมวก 
Guest what is it used for ??! 
เพื่อนๆลองทายสิคะ ว่าเค้าเอาไว้ทำอะไร 


ถามเด็กน้อย เขาตอบว่า เอาไว้ส่องว่าแป้งทะนาคาหลุดป่าว !! 
ฮา เลยยย เม่าแต่งหน้า

จบทริปหมู่บ้านมินกุน ก็ล่ำลาหนูน้อยที่บอกว่าปิดเทอมแล้วมาช่วยเป็น local guide น่ารักดีค่ะ พวกเราเลยให้ตื้บ แอร้ยย ให้ติ๊บกันไป น่ารักจิงๆ 
หลังจากนั้น พวกเราก็ไปภูเขาสะกายกันต่อค่ะ


หลับเหมือนเดิมค่ะ ตื่นมาคนขับรถก็มาจอดที่ตรงทางเดินขึ้นภูเขา 

มีคนมาตั้งขายน้ำอ้อยตรงนี้ด้วย จะว่าเสียทัศนียภาพมั้ย .... ก็นะ 

ปล. ทั้งทริป ต้องได้อุดหนุนน้ำอ้อยชาวบ้านอย่างน้อยวันละแก้ว หรือวันละถุงค่ะ เพราะอากาศร้อนและกระหายน้ำมาก 

ทางเดินขึ้นก็จะเป็นทางชันๆ ลาดลงมาแบบนี้ค่ะ เอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน




ระหว่างทางก็เจอคนขายไอศครีม อ้อ ตามทางเดินมีแต่กลุ่มเรานะคะ เงียบเหงามาก ไม่มีคนอื่นเลย 
แวะซื้อไอศครีมค่ะ ถ้วยเล็กๆ หวานมากกกก คาดว่าเป็นรสทุเรียน ห้าๆๆๆ



วิวระหว่างทาง

พอขึ้นไปถึงด้านบน ลมเย็นสบาย มีอะไรให้ชมหลายจุดเลยค่ะ ทั้งวิวเมืองแบบกว้างๆๆๆ พระเจดีย์ทอง และก็ จิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปพุทธประวัติค่ะ







พุทธประวัติฉบับพม่า อิอิ



พอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็ลงมาด้านล่าง โปรแกรมต่อไป ไปชมสะพานไม้อูเบ็งค่ะ
U-Bein Bridge หรือ สะพานไม้อูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก (มีความยาว 1.4 ก.ม.)  อยู่ตรงหน้าเรานี้แล้วววว อิอิ 
อากาศดีมากๆ เลยค่ะ มานั่งชมพระอาทิตย์ตกกับเหล่าลุงๆป้าๆ โรแมนติกดี เม่าเหม่อเม่าเหม่อ



สามารถเหมาเรือนั่งชมแม่น้ำ ชมพระอาทิตย์ตกได้ค่ะ อากาศดีมว้ากกกกกกกกกกก ลมเย็นๆๆ สบายมาก ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ล่องลอยไป ไม่ต้องคิดอะไรเลย 

ซักแปป ก็โดนหนุ่มพม่าสาดน้ำค่ะ เรียกว่าสาดก็คงไม่ใช่นะ เค้าเล่นกันแบบมีสัมมาคารวะ ไม่สาดโบ้มๆ เหมือนบ้านเรา ที่ใช้ขัน ถังน้ำ (ใส่น้ำแข็งด้วย) สาดกัน ที่นี่จะเป็นเอาน้ำใส่ขวด แล้วไปรินที่ใหล่ค่ะ




ลังเปียกเบยยยยย 








จบทริปวันนี้ ก็กลับเข้าเมืองค่ะ โดยให้คนขับรถพาไปส่งร้านอาหารตามที่ guide book แนะนำ 

เป็นอาหารแบบข้าวแกง เลือกตักค่ะ ใช้ได้เลยค่ะ 

มื้อนั้นค่าเสียหาย 12,700 จั๊ตค่า 

แถวๆ นั้นเขาบอกมีถนนคนเดินด้วยค่ะ แต่ดูไปดูมาก็เหมือนตลาดนัดบ้านเรา ของมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ ก็ตัดสินใจนั่งมอไซต์รับจากให้ไปส่งกลับโรงแรมค่ะ 
นั่งคันละ 3 คนรวมคนขับ  คันละ 1,500 จั๊ต ค่ะ

No comments:

Post a Comment