Tuesday, July 8, 2014

::เทรคกิ้งเดย์::ไม่น่าเชื่อสายตา ลำพูนมีจุดชมวิวที่สวยไม่แพ้ใครอยู่ด้วย


(จุดที่ถ่ายภาพนี้ คือจุดที่ยืนอยู่บนยอดดอยที่กำลังจะพูดถึงน่ะค่ะ)

(จุดที่ถ่ายภาพนี้ คือจุดที่ยืนอยู่บนยอดดอยที่กำลังจะพูดถึงน่ะค่ะ)


ทริปพาพ่อลำบาก ทริปสั้น ทริปนี้จะพาไปเทรคขึ้นดอยผางุ้มค่ะ 


ทริปนี้ เริ่มต้นจาก เราไปเห็นภาพที่เว็บหนึ่งได้แชร์มาในหน้าfeed เฟสบุคเรา และเหลือบไปเห็นพอดี  
ลิ้งค์นี้เลยค่ะ >> http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=1&topic_id=160244 

ไม่รู้หรอกว่า ว่ารถขึ้นไปถึงรึเปล่า ต้องเดินเท้าอีกกี่กิโล แต่อยากไปมาก เลยพึ่งไปพิชิตมากับพ่อและพี่ที่รู้จักกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ

ก่อนไป ทราบแต่ ดอยงุ้ม หรือ พระธาตุดอยงุ้มนั้น ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน และห่างจากเทศบาลตำบลห้วยยาบประมาณ 8 กม. เท่านั้นเอง ส่วนการเดินทางขึ้นเขา ระยะทางขึ้น เส้นทางต่างๆเป็นอย่างไรนั้น ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมีไม่มากนัก พวกเราจึงสุ่มไปกันโดยรถส่วนตัว เราเป็นคนพื้นที่จังหวัดลำพูนอยู่แล้วค่ะ แต่ที่นี่นั้น พึ่งจะรู้จักและเคยมา 

เราชอบชวนพ่อเที่ยวค่ะ เพราะแกแทบจะไม่ปฏิเสธเลยที่จะไป เม่าดี๊ด๊าเม่าดี๊ด๊า 
พ่อเราเป็นขาเที่ยวมากค่ะ ตั้งแต่แกเป็นวัยรุ่น แม่เล่าให้ฟังนะ แกเคยปั่นจักรยานของยายล่าเล่อะไรสักอย่างอะ ที่มีตะกร้าหน้ารถ ปั่นจากลำพูน ไปแม่ฮ่องสอนแน่ะ ฟิตมากกกกก 

มาเรื่องดอยงุ้มกันดีกว่า 

จากตัวเมืองลำพูน ไปถึงอำเภอบ้านธิ ไม่มีรถประจำทางผ่าน สามารถวิ่งมาทางเส้นนิคมสันป่าฝ้ายลำพูนตรงไปเรื่อยๆได้เลย หรือใครจะมาจากทางบ้านม้า(หมู่บ้านทำเฟอร์นิเจอร์) ก็ทะลุเส้นเดียวกัน ใช้เวลาสัก 30 นาที ก็ถึงอำเภอบ้านธิค่ะ ถ้าเห็นหมู่บ้านที่ขายไม้เรือนเก่าเยอะๆนั่นใช่เลย อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน 

ซอยที่จะเข้าพระธาตุผางุ้มหรือดอยงุ้ม ชาวบ้านเรียกดอยโง้ม นั่น เป็นซอยเล็กๆ แคบๆ อยู่ตรงข้ามปั๊มน้ำมัน ลองถามชาวบ้านแถวนั้นก็ได้ค่ะ ดอยงุ้มไปตางไดเจ้า อิอิ แต่แปลกค่ะ ตลอดทางที่ถามมา ไม่เคยมีใครขึ้นไปเลย เอาหล่ะสิ .... ขนาดลุงที่อายุ 70-80 ปีเราจอดรถถาม แกบอกยังไม่เคยไปเล้ยยย อยู่มาจนปูนนี้แล้ว เม่าเหม่อเม่าเหม่อ

ขับเข้าซอยเล็กๆมาเรื่อยๆจนเจอถนนใหญ่เส้นนี้ตัดก่อน ข้ามถนนใหญ่เส้นนี้ไปจะเจอป้ายแบบนี้ค่ะ ก่อนจะข้ามสะพานที่จะพังแหล่มิพังแหล่ะมา



ทางก็จะเป็นทางแคบๆ ขับแล้วแอบเด้งๆ นิดๆ รถสวนไม่ได้ แต่ตอนที่พวกเราไป ถนนเงียบมากค่ะ ไม่มีรถ ไม่มีคน ขับต่อไปเรื่อยๆค่ะ จะมาเจอวิหารพระเปิดโล่งแบบนี้


เจอหลวงพี่อยู่รูปหนึ่งค่ะ เราเลยสอบถามข้อมูลการเดินทางกับท่าน อ่อ เราชวนอาม่าก่ะอาแปะพี่ชายพ่อไปด้วย แต่เค้าขอบาย นั่งสนทนาธรรมกับหลวงพี่แทน ปล่อยให้เรา พ่อ และพี่ที่รู้จักเดินขึ้นกันสามคน

หลวงพี่บอกว่ารถต้องจอดตรงนี้ ขึ้นไม่ได้ แล้วก็ชี้ๆว่าเดินขึ้นตรงไหน

ท่านบอกว่า ระยะทางขึ้นประมาณ 4 กิโลเมตร พวกเราก็ อู้วว แต่เดินจริงๆเรากับพี่เค้าว่า ไปกลับน่าจะสัก 11-12 โลได้ 
หลวงพี่ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ใช้ทางลัดเข้าป่าไปค่ะ บอกว่า มีลิงมีงูด้วยเส้นนั้น แต่แกก็ไม่บอกนะว่าทางลัดไปทางไหน และแล้วพวกเราก็เริ่มเดินทางโดยใช้เส้นทางปกติ พกน้ำเนสเล่ขวดเล็กไปกันคนละขวด แล้วก็เริ่มออกเดินทาง เมื่อเวลา 14:45 น. 


เส้นทางช่วงแรกจะเป็นคอนกรีต ประมาณ 300 เมตรได้
เห็นแบบนี้ เดินไปก้าวสองก้าวก็รู้สึกว่าชันแล้ว ระยะทางข้างหน้าคงสูบพลังงานมาก แรกๆ ก็คุยกันเพลินๆ เดินไปเดินไป ไม่คุยดีกว่า เริ่มเหนื่อย เพราะมันชัน เหมือนเราเดินขึ้นบันไดวัดพระธาตุดอยสุเทพ ประมาณนั้นเลยค่ะ 

สิ้นสุดทางคอนกรีต ก็จะเป็นทางคล้ายๆลูกรังเลเวลอ่อนๆ เพี้ยนสู้สู้
ข้างทางจะเป็นป่าไม้สัก ลำเล็กๆ เต็มพื้นที่เลย 


เดินมา 30 นาทีแล้ว ปลายทางคือยอดเขาที่เห็นลิบๆตรงนั้นค่ะ บนยอดจะเห็นพระธาตุสีขาวอยู่บนประดิษฐานอยู่  


ซูมๆ


จะมีทางคอนกรีตอยู่ ประมาณ 3-4 ช่วงได้ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ชันมากๆ แต่จะมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นค่ะ เดินไปกลางๆทาง ก็ไม่มีแล้ว

เส้นทางที่เดิน จะเป็นทางอ้อมเขาเป็นลูกๆ เลย เหมือนเราเดินวนขอบภูเขาเขา แล้วก็เชื่อมต่อไปม่อนอื่นๆ 



จุดนี้เราพักขากันนิดหนึ่งค่ะ ไหว้พระไหว้เจ้า จิบน้ำนิดๆ แล้วค่อยเดินกันต่อ


เดินไปสักพักใหญ่ๆ มองไปด้านข้าง ก็จะเห็นวิวแบบนี้โอบล้อมเราอยู่





มองไปข้างๆก็เห็นวิวแบบนี้ ค่ะ ซูมๆๆ อิอิ

เดินไปสักชั่วโมงนึงได้ จะมีจุดที่เป็นศาลา มีห้องน้ำเล็กๆด้วย 

เท่าที่เห็นมีห้องน้ำจุดเดียวค่ะ และจะมีอีกที่ก็บนยอดเลย 


เดิน เดิน เดิน เดินอย่างเดียว แน่นไปทั้งตัวแล้วค่ะ จุดๆนี้ 
แต่ปกติ จขกท ก็ชอบวิ่งนะคะ ชอบปั่นจักรยานด้วย ชั่วโมงนี้ ได้ใช้กล้ามขาให้เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ อิอิ 


เห็นพี่เค้าแวะเด็ดหงอนไก่ป่า บอกว่าจะเอาไปไหว้พระค่ะ เลยแวะถ่ายรูปแป๊บ


ตรงนี้นึกว่าจะเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว เดินมา ชั่วโมงกว่าๆละ ด้านบนหักศอกด้วย ใครเอามอไซต์ลำบาก เอ้ย วิบากมา ก็ระวังหน่อยนะคะ
ทางไม่ค่อยแน่น มันจะลื่นๆ ล้ออาจจะปั่นได้ เดินลำบากมากค่ะ 

นึกภาพว่าเดินขึ้นเขาทั่วไป แต่เป็นภาพสโลโมชั่น แบบนั้นเลยค่ะ เพราะความชัน+ความเหนื่อย 

ทางแยกสุดท้าย ก่อนจะถึงจุดหมาย จะไปซ้ายไปขวาก็มาเจอกัน อิอิ อมยิ้ม16

ทางซ้ายจะเหมือนดินเป็นขั้นบันได ทางขวาเป็นทางเดินสโลพหน่อย พวกเราไปทางซ้ายค่ะ 

ในที่สุด ก็ถึงด้านบนแล้ว 

ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 30 นาทีพอดี เห็นมีศาลา มีพระประทานตั้งอยู่ เลยรีบเข้าไปกราบไหว้ และก็นั่งพักหายใจแป๊บๆ 
แค่แป๊บเดียวเท่านั้นค่ะ ชักช้า ลงไปจะเย็น มืด มองไม่เห็นแน่




ด้านข้างก็จะมีเพิง ที่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่หลายองค์ ให้ไปกราบไหว้


พวกเรามองหาเจดีย์ขาวที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าตั้งแต่พวกเราอยู่ด้านล่างแล้ว เดินๆไป อยู่บนขอบหน้าผาเลยก็ว่าได้ แต่ไม่น่ากลัวนะ ( ส่วนตัวไม่กลัวความสูงค่ะ ) 


ไหว้สาเจดีย์กันเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาสูดดม เอ้ย สูดลมชมวิว กันให้อิ่มหนำสำราญ 
ให้คุ้มกับการเดินเท้าเทรคขึ้นมาชั่วโมงครึ่ง 

มันสุดยอดมากค่ะ วิวแบบ 180 องศา  

ชาวลำพูนต้องพูดกันว่า ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ที่ลำพูน 
บางท่านรู้จัก เคยได้ยินมา แต่อาจจะยังไม่ได้ขึ้นไปสัมผัส 

รูปนี้ เห็นจะเป็นฝั่งสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่นะคะ เป็นเขตติดต่อกันกับอำเภอบ้านธิ 





รูปหล่อสำริด ครูบาเจ้าศรีวิชัยค่ะ สายตาท่านทอดยาวไปทางจังหวัดลำพูน

รูปนั่งก้อนหินพวกนี้ก็มีเยอะอยู่ค่ะ แต่กว่าจะได้มานี่ต้องแลกกับโดนพ่อด่า แกกลัวเราพลัดตกอมยิ้ม20อมยิ้ม20อมยิ้ม20
มันก็อันตรายนะ ไม่มีอะไรเซฟตัวเรา ใครไปก็ระมัดระวังกันด้วยค่ะ แต่เราเป็นคนไม่กลัวอะไร ยกเว้นพวกแมลงนะ  ไซบีเรียนฮัสกี้อมยิ้ม17





ส่วนบริเวณรอบๆ หากถามว่า กางเต้นท์ได้มั๊ย ก็มีพื้นที่กว้าง ใช้ได้ค่ะ
แต่นึกๆไปว่า ถ้าเกิดเค้าทำทางรถขึ้นมาได้สำเร็จ ด้านบนไม่น่าจะจอดรถได้พอ ต้องตัดต้นไม้ เหมือน renovate พื้นที่กันพอสมควรทีเดียว แต่ที่แคบนะ เพราะเป็นยอดดอย
น่าจะต้องมีจุดจอดรถสักที่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินขึ้นมาอีกสักหน่อย 
แต่ดูๆทางแล้ว ไม่กว้างพอรถสวนกันได้เลย คล้ายๆทางไปขุนช่างเคี่ยน แคบมากกกกกก 
ก็รอดูกันต่อไปค่ะ 

พวกเราลงไปตอนเวลา 5 โมงเย็น 
ใช้เวลาเดินลง 1 ชั่วโมง 
ใช้เส้นทางเดินเหมือนขามา ดินไม่แน่น เป็นหินเยอะ เดินลงควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะ จขกท ลื่นสไลด์หลายรอบแล้วค่ะ เพี้ยนเพลีย

คิดว่าทริปนี้ เหมาะสำหรับคนที่ปกติออกกำลังกาย เล่นกีฬาอยู่ สบายๆเลยค่ะ
คนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยแล้วไป มีลุ้นค่ะ ว่าจะถึง หรือ ไม่ถึง แหะๆ ไปลองดูกันได้ค่ะ 
อยากบอกว่า หน้าแข้งตอนนี้แข็งมาก น่องนี่แข็งโป้กเลย ฮ่าๆๆๆๆ 
ส่วน เด็ก คนแก่ ไม่น่าจะไปได้นะ เพราะแค่เราเดิน ชั่วโมงครึ่ง ก็เป็นแบบสโลโมชั่นแล้ว ถ้าช้ากว่านั้น อาจจะใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมงได้ 
ขาลงนี่มีความรู้สึกเหมือนนิ้วเท้าจะแยกจากกันให้ได้ 

เนื่องจากวันก่อนเรามาขึ้นดอย เรานึกคึก วิ่งจากบ้านไปวัดพระธาตุหริภุญชัยฯ ระยะทางไปกลับ 10 กม อีกวันก็มาถอน โดยการขึ้นดอยซะเลย อาการดีขึ้นเยอะเลยค่ะ วิวด้านบนสวยมาก ไม่ไปเห็นไม่เชื่อนะ ลำพูนมีจุดชมวิวสวยๆ ที่บางคนไม่รู้เลย 

เครื่องแต่งกาย
ไม่ต้องพกอะไรไปเยอะค่ะ เสื้อผ้าเบาสบาย ถ่ายเทอากาศสะดวก 
หมวก
รองเท้าผ้าใบดีดีสักคู่
น้ำดื่มค่ะ (ขวดเล็ก ดื่มจิบๆ จริงๆอยากแบกขวดใหญ่ เพราะกระหายน้ำตลอดทางเลย ทำได้แค่จิบค่ะ แล้วทำไมไม่เอาขวดใหญ่ไปใช้ไหม เพราะแค่สะพายขวดเล็กไป กล้องDSLRอีกตัว แทบอยากเขวี้ยงทิ้งอยู่เหมือนกัน ทางชันค่ะ ขีดเส้นใต้เลย ชันมาก 
สำหรับคนที่แบกเต้นท์ หรือสัมภาระขึ้นไป เราขอคารวะค่ะ คนผู้นั้นแขงแกร่งมาก ฮ่าๆๆๆๆ 

ขอจบการรีวิวไปเพียงเท่านี้นะคะ
มาเที่ยวลำพูนกันเยอะๆ นะ อยากให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูนคึกคักไม่แพ้เมืองน้อง เชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆค่ะ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี นานๆจะมีพวกสัมมนาบ้าง คนมากับรถทัวร์ไหว้พระเก้าวัดบ้าง คือไม่บ่อยอะค่ะ แล้วจะรู้ว่า ลำพูน เป็นเมืองสงบที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ

No comments:

Post a Comment