พุกาม
>>> บินไปพุกาม เหมารถ หรือเช่ารถม้า หรือปั่นจักรยาน รอดูหน้างานอีกทีจ้าาาา
ตื่นกันแต่ตี 4-5 เก็บกระเป๋า ออกเดินทางไปสนามบิน
เมื่อวานถามอาตี๋รีเซฟชั่นพม่าว่า ห้องรวมอาหารเช้า ชิมิ เค้าก็บอกว่า ช่ายยย เราบอกว่า แล้วพรุ่งนี้เราออกเช้างี้ก็ไม่ได้กินน่ะสิ เค้าก็บอกว่า งั้นก็มาปลุกหน่อย ประมาณตี 4 กว่าๆ นะ ..... สุดยอดแห่งการบริการ
หน้าตาง่วงนอนมากค่ะ ทริปพาพ่อลำบาก อุอิๆ
แนะนำค่ะ ชาพม่า อร่อยทีเดียว ถ้าไม่เอาผงเนสกาแฟไปใส่เหมือนเรา เพราะเค้าเสิฟเย็นแบบไม่ใส่น้ำแข้งค่ะ
ผงเนสกาแฟลอยกองอยู่บนชาเเยยย
คนขับใจดีแวะให้จอดค่ะ แอบชิลนะ
ไปขึ้นลำนี้กันเล้ย
ไม่รู้ว่าเสิร์ฟบนเครื่องอ่า อุตส่าอัดหนมปังแยมสตอ ก่ะชาเนสกาแฟลอยมาซะเยอะเลย ง่ะ
สักชั่วโมงก็ถึงค่ะ ถ้านั่งรถอาจใช้เวลาค่อนวันมั้ง จริงๆชอบเที่ยวแบบลุยๆ แบบนั้นนะ แต่เห็นใจสมาชิกในทริป ให้เค้าเก็บแรงไปทริปอื่นกันด้วยเหอะ =_=
หนามบินบากัน น่อย น่อย
สเตปเดิมค่ะ หาแท็กซี่ให้ฟัน
โดนไป 12,000 kyat สนามบินไกลค่ะ ราคานี้ โอเคอยู่ ได้ 2 คันค่ะ อิอิ
อ่อ 1000 kyat = 1 usd = 30 บาท คิดง่ายๆ
ไม่นาน เกือบชั่วโมง แท็กซี่ก็พามาส่งที่โรงแรมค่ะ เหมือนแต่ละเมืองโรงแรมจะน้อยมาก พอเราบอกว่าจะไปโรงแรมชื่อนี่ เค้ารู้จักทันทีค่ะ ไม่ต้องรอบอกว่าชื่อถนนอะไร อยู่ตรงไหนให้เมื่อย อิอิ
ตลอดข้างทางก็จะเป็นเมืองเก่าเหมือนสุโขทัยแบบนี้ค่ะ
เรื่องหนึ่งที่น่ายกย่องของเมืองนี้คือ เรื่องความสะอาดค่ะ ดูบ้านเมืองสะอาดตาดี ให้ 5 ดาว อิอิ
ถึงแล้วค่ะ โรงแรมชื่อ เมขลา จำง่ายดี อิอิ
เมืองนี้ยังใช้รถม้าสัญจรอยู่ค่ะ มองเห็นได้ทั่วไป สามารถใช้บริการได้ด้วย
ทำหน้าที่หัวหน้าทัวร์ลูกเป็ดที่ดีค่ะ จองห้องมาจากเว็บนึง มันพอสำหรับ 5 คน เป็น ลาสรูมแล้วค่ะ ตามที่เว็บบอก แต่อชิพอจะรู้ค่ะ ว่า ทางโรงแรมไม่ยอมแบ่งห้องให้พวกบุคกิ้งเอเจนซี่พวกนี้หมด เค้าเก็บเอาไว้ให้พวกวอร์คอินด้วย ตอนนี้กำลังทำรีสอร์ทค่ะ ลังเลอยู่ว่าจะดีหรือไม่ดีถ้าเอาลงเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ เพราะของเราเป็นขนาดเล็กค่ะ แนวfamily business ทำเองทุกอย่าง อุ้ย นอกเรื่องละ กลับมาๆๆๆ
แล้วไอเราก็กลัวจะไม่มีที่นอน ก็จองไปก่อน ค่อยไปแก้สถานการณ์กันเอาดาบหน้า แบบขอ extra bed อะไรยังไงก็ได้น่า
สรุป มี ค่ะ แบ่งห้องกันนอน 3:3 สบายๆ
ห้องโอเค ใช้ได้ นอนหลับสบายเลยทีเดียวค่ะ แอร์ฉ่ำดี
ราคาต่อห้อง 40,000 ค่ะ เอาเป็นว่า เฉลี่ยแล้ว ตกคนละ 400 บาท
เอามาเผื่อเป็นข้อมูลค่ะ ถ้านั่งรถบัสข้ามเมืองราคาไม่แพงเลยค่ะ
ป่ะ ได้เวลาออกไปล่า เจดีชเวสิกอน และ ทะเลเจดีย์กันแล้วววว
ที่แรกที่ไปคือเจดีย์ ชเวสิกอน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 แห่ง ของประเทศพม่า ส่วนประวัติไม่พูดกันให้ยืดยาวนะคะ ชเวสิกอนแปลว่า พื้นที่แห่งชัยชนะ ที่เหลือ อากู๋กันเลยค่ะ
ไม่ให้ดูรูปเยอะค่ะ ให้ไปดูเอง อิอิ เอามาให้ดูหมด เดี่ยวไปเที่ยวไม่หนุก เหมือนโดนสปอยหนัง
เหมารถทั้งวัน เป็นรถตู้ค่ะ ราคา 45,000 ค่ะ 1,350 บาท 6 คน แอ่วทั่วพุกามค่ะ
ไปวัดเยอะมาก จากวันนั้นถึงวันนี้ อาจจะเป็นเวลา แค่เพียง เดือนกว่า แต่จำไม่ได้ค่ะ ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน รู้แค่ว่า ไปไหนมาบ้าง เอาเป็นว่าดูรูปไปเรื่อยๆละกันนะคะ ดูว่ามันอลังการ น่าไปแค่ไหน ส่วนท่านที่ไม่เคยไปนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ ว่าจะไม่ได้ไปวัดนั่นวัดนี่ กลัวพลาด นู่นนั่นนี่ อย่าไปกลัวค่ะ ถ้าเหมารถ เค้าพาไปหมดแบบเต็มแมกซ์เลยค่ะ เอาแบบเราบอกว่า พอๆ ไปลงรถแล้ว ขอขับผ่านพอจ้าาาาาา คนพม่าใจดีมากค่ะ เคี้ยวหมากตลอดเว ทั้งวัยรุ่น คนแก่ บางทีก็ควรระวังเวลาเดิน หรือหาที่นั่งด้วยนะคะ
ชมภาพ ที่เอามาฝากค่ะ ภาพไม่สวย ห้ามติ ค่ะ
เอาแพะพม่ามาให้ดูค่ะ ดูแพะนะ อิอิ
อันนี้เป็นเจดีย์ติโลมินโล หรือวัดฉัตรตั้งค่ะ ประมาณว่า ตอนนั้นเค้าต้องการจะเสี่ยงทายหากษัตริย์ปกครอง ซึ่งตอนนั้นกษัตริย์ A (นามสมมุต) ได้มีลูกหลายคน จึงต้องการจะเสี่ยงทายเพื่อความเสมอภาคกัน จึ่งตั้งฉัตรไว้ ถ้าล้มไปที่ผู้ใดก็จะได้เป็นค่ะ ก่อนหน้านั้นท่านได้รับปากพระชายาของพระองค์คนนึงว่าจะให้เป็น แต่ภายหลังดันมาเสี่ยงฉัตร แต่ยังไงๆ ฉัตรก็ล้มไปที่บุตรของพระชายาองค์นั้นค่ะ Happy !
ต้องขออภัยที่กล่าวนามไม่ได้ จำไม่ได้เลยค่ะ ชื่อกษัตริย์พม่า พระชายา อนุ บุตร เยอะแยะมากมายหลายยุคจริงๆ
ต่อ ๆๆ
ช่วงเช้าจบไปแล้วค่ะ ภาพปนๆ นะคะ พักเที่ยงทานอาหารพม่าดีกว่า ที่ร้านนี้ คนขับรถแนะนำค่ะ
คาดว่าจะได้ค่าน้ำเยอะ
อาหารพม่าค่ะ คิดเป็นหัว ตกคนละ 100 กว่าบาท หน้าตาคล้ายอาหารเหนือ แต่รสชาติไม่ใกล้เคียงเลยค่ะ
ไม่ถูกปากค่ะ
มีร้านอาหาร ฝั่งตรงข้าม ราคาถูกค่ะ แต่คนขับรถไม่ได้แนะนให้พวกเรา วันหน้าใครได้ไป ช่วยมารีวิวให้ทีนะคะ
พรุ่งนี้มารีวิวต่อ วันนี้ขอตัวค่ะ เป็นวัยรุ่นปวดหลังงิ
มาชมภาคบ่ายต่อค่ะ
พี่คนขับใจดีมาก อย่างที่บอก รันโปรแกรมตามที่เค้าทำทุกที ทุกวัดค่ะ จนพวกเราเหนื่อยสุดๆ ตอนเย็นแพลนจะไปนั่งดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวทะเลเจดีย์กัน แต่ตอนนี้เที่ยววัดกันต่อ
เจดีย์น้ำเต้าค่ะ บุพญาเจดีย์ (ทำการบ้านๆ อิอิ) เมื่อชาวพม่าเดินทางค้าขายทางเรือล่องตามแม่น้ำอิรวดี พอมาเห็นเจดีย์น้ำเต้านี้ ก็จะเข้าใจว่ามาถึงเมืองพุกามแล้ว
วิหารมหาโพธิค่ะ เลียนแบบเจดีย์พุทธคยา ในประเทศอินเดีย
พอเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปด้านใน ก็เจอกับเจ๊คนนึง แม้อากาศร้อนๆ แกก็อารมณ์ดีมาก พวกเราเลยขอแตกแบงค์ใหญ่กับแก 5 นาทีเธอกลับมา แล้วก็นั่งคุยกัน รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง
เธอชื่อแมมมู เป็นคนพม่าอารมณ์ดี ปักหลักหากินอยู่แถวๆวัดนี้ นั่งคุยไปคุยมา ก็คุยถึงทะนาคา หรือแป้งพม่าบนหน้าเค้า เค้าก็บอกว่าตามมาๆๆ เดี๋ยวทำให้ เค้าก็ชวนไปบ้าน แล้วทุกคนก็เดินตามไป ... ไม่น่าเสียหายอะไร ซึ่งเดินออกมาจากวัดได้ไม่ถึงยี่สิบก้าว ก็เจอเพิงขายของ
เธอเริ่มฝนทะนาคาแล้วแต้มให้กับทุกคนทีละคน
แล้ว ทุกคนก็เริ่มสนใจวัตถุที่ชื่อว่า "ทะนาคา"
สรุป ได้กลับมาเป็นของฝากกันคนละแพ็คสองแพ็ค อิอิ
ถ่ายรูปกับแมมมู พร้อมบอกลากันเสร็จสิ้น ก็ตัดสินใจไปเดินตลาดกันดีกว่า
ส่วนตอนนี้อยากไปดูตลาดบ้านเค้ามากกว่า ว่ามีอะไรขายบ้าง เลยบอกคนขับเค้าว่าไปตลาดกันเล้ยยย
มาดูตลาดสดพม่ากัน
เนื่องจากอากาศร้อนมากค่ะ พวกเราซื้อน้ำอ้อยดื่มกัน วันนึง ไม่ต่ำกว่า 2-3 แก้วเลยค่ะ
น้ำอ้อยบางเจ้า แต่ส่วนใหญ่เลย จะใส่มะนาวลงไปด้วย รสชาติก็จะออกหวานๆแกมเปรี้ยวนิดๆ พ่อชอบมากกกกก ส่วนเราคิดว่าเอาไปใส่เป็นน้ำผึ้งมะนาวจะเวิร์คกว่า ลองไปชิมกันดูค่ะ อากาศร้อนแบบนี้ อะไรก็ขอเย็นๆกระเอื้อกลงคอให้หมด
คนชับรถมาส่งที่ตลาดให้พวกเราเดินเล่นกัน สัก 30 นาที ที่จำกัดเวลาตรงนี้ก็เพราะว่า ไม่ได้ซื้อซิมการ์ดเอาไว้โทรค่ะ ไปต่างประเทศ ถ้าไม่ได้ไปเรียน หรือไปค่าย หรือไปทำอะไรนานๆ เน้นเที่ยวอย่างเดียวจะไม่ซื้อซิมค่ะ
1 ไม่อยากเสียเวลาอัพรูป เช็คอิน เช็คเฟส อัพเฟส บลาๆๆๆๆๆ
2 ถ้ามีเน็ต เราจะใช้หาแมพ ซึ่ง ไม่เอาดีกว่า ไม่มันส์ค่ะ
3 เปลืองตัง
ประมาณนั้น เพราะฉะนั้น เพื่อนๆส่วนใหญ่จะเห็นเราอัพรูปหลังจากกลับจากเที่ยวแล้ว แบบ ตู้มมม เบื่อ ตาลายกันไปเลย ฮิฮิ
ทะนาคา ใช้ฝนกับน้ำ แล้วเอามาทาหน้าค่ะ
กำลังหาวิดิโอที่ถ่ายตอนคุยกับป้าแมมมูไว้ ตอนที่แกทาทะนาคาให้ ยังหาไม่เจอเลยยย
สรุป ถามแกแล้วว่าทะนาคาดีอย่างไร
แกบอกว่า หน้าใส ไร้สิว แล้วก็ทำให้เย็นที่หน้าด้วยยยย (( ก็ผสมน้ำนี่นา )) แต่ก็ซื้อมาละค่ะ
อ้อ เห็นเพื่อนๆไปตปท แล้วก็เปิดรับพรีออเดอร์กัน คิทแคทชาเขียว อีตูดี้มั่ง เราเปิดพรีอยู่ช่วงหนึ่ง แค่ 2 ชั่วโมงก่อนบินไปย่างกุ้ง
"พรีออเดอร์ทะนาคา กับ สโล่งพม่า สั้น เสมอหู" ค่ะ กระแสตอบรับไม่ดีเลย สงสัยยังเจาะกลุ่มตลาดไทยมิด้ายยยยยยยยยย อิอิ
เมี่ยงงงงงง
แวะซื้อรองเท้าแตะค่ะ สีแดงที่ใส่ 60 บาท
รองเท้าแตะของพ่อขาดค่ะ ส่วนน้าอ้อมไม่ได้เอาแตะไปเอาแต่ผ้าใบไป
อ่อ ไปพม่านะคะ ลองเปรียบเทียบดูว่า คุณไม่อยากถอดรองเท้าและใส่รองเท้ายากก่อนเขาวัด ให้ใส่แตะไป
แต่ถ้าต้องการรองเท้าที่เดินทางสะดวก เพราะเดินทั้งวัน ขึ้นรถลงเรือ ก็ผ้าใบค่ะ จะเอาไปทั้งสองแบบเลยก็ได้
วัดพม่าทุกวัด ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าค่ะ บางวัดให้ถอดตั้งแต่ปากทางเข้า เพราะเค้าเคร่งครัดกันมากในเรื่องนี้
ตราช่างโบราณ
มะพร้าวลูกเท่าหัวเลยค่ะ ลูกใหญ่ แต่น้ำไม่อร่อยเหมือนมะพร้าวน้ำหอมหรือมะพร้าวเผาบ้านเราเลย
ไปต่อกันค่ะ
ด้านในแต่ละวัดก็จะมีจิตรกรรมฝาผนังให้ดูกันค่ะ โดยรวมแล้ว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
สถานที่สุดท้าย ท้ายสุดของวัน
คนขับพามาดูพระอาทิตย์ตกดินที่ เจดีย์ชเวซันดอ Shwesandaw เป็นจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกที่นิยมมากๆ
หากใคร มีโอกาสได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่อื่น แนะนำกันมาได้นะคะ เพราะ bird eyes view อาจจะ สวยแปลกตากันไป
เจดีย์ชเวซันดอ ค่ะ
ซูมใกล้ๆ นักท่องเที่ยวเริ่มมากันจับจองที่นั่งกันแล้ว
ตรึมค่ะ เราถอดรองเท้ากันตั้งแต่ตรงนี้ก่อนเข้าไปก็ได้ค่ะ ลุงๆป้าๆก็ถอดไว้ในรถ ส่วนเราลืมตัวใส่ลงมา ก็ไปถอดก่อนขึ้นเจดีย์ค่ะ
อ้อยอิ่งกันเหมือนเดิมค่ะ ทานน้ำมะพร้าวเพิ่มพลังก่อนปีนเจดีย์ ฮิฮิ
เด็กชายผมทองคนนั้นกำลังพรีเซนท์ โปสการ์ดของแกอยู่ ตื้อมากค่ะ ลุงดุลเดินไปเข้าห้องน้ำ แกก็เดินตามไป ใช้ลูกตื้อสยบลุงดุลไปได้อีกหนึ่งราย อิอิ
ขึ้นไปแล้วมองลงมา สูงใช่ย่อยเลยนะเนี่ยยย
วัดต่างๆที่เราไปมาเมื่อกลางวัน จะมองเห็นได้จากจุดนี้ค่า เพราะบางวัด บางเจดีย์ สูงใหญ่ อลังการมากกกก
ผู้คนมาจากทั่วสารทิศ ทั้งฝรั่ง จีน ไทย เยอะแยะมากมาย มารอชมพระอาทิตย์ตกดินกัน
รวมถึงพระด้วยนะโยมม
ได้เวลาลงแล้วค่ะ กลับเข้าที่พัก ทานอาหารเย็นแถวๆโรงแรม
มื้อเย็น อาหาร 3-4 อย่าง หมดไป 11,400 จั๊ต หรือประมาณ 350 บาท ถูกมากค่ะ แต่อาหารช้ามากกกก เหมือนกัน
ร้านอาหารแถบนี้ มี wifi ด้วย แอบอืดค่ะ
ลาด้วยคลิปวิวที่ทุ่งทะเลเจดีย์ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้บินไปมัณฑะเลย์กัน
>>> บินไปพุกาม เหมารถ หรือเช่ารถม้า หรือปั่นจักรยาน รอดูหน้างานอีกทีจ้าาาา
ตื่นกันแต่ตี 4-5 เก็บกระเป๋า ออกเดินทางไปสนามบิน
เมื่อวานถามอาตี๋รีเซฟชั่นพม่าว่า ห้องรวมอาหารเช้า ชิมิ เค้าก็บอกว่า ช่ายยย เราบอกว่า แล้วพรุ่งนี้เราออกเช้างี้ก็ไม่ได้กินน่ะสิ เค้าก็บอกว่า งั้นก็มาปลุกหน่อย ประมาณตี 4 กว่าๆ นะ ..... สุดยอดแห่งการบริการ
หน้าตาง่วงนอนมากค่ะ ทริปพาพ่อลำบาก อุอิๆ
แนะนำค่ะ ชาพม่า อร่อยทีเดียว ถ้าไม่เอาผงเนสกาแฟไปใส่เหมือนเรา เพราะเค้าเสิฟเย็นแบบไม่ใส่น้ำแข้งค่ะ
ผงเนสกาแฟลอยกองอยู่บนชาเเยยย คนขับใจดีแวะให้จอดค่ะ แอบชิลนะ
ไปขึ้นลำนี้กันเล้ย
ไม่รู้ว่าเสิร์ฟบนเครื่องอ่า อุตส่าอัดหนมปังแยมสตอ ก่ะชาเนสกาแฟลอยมาซะเยอะเลย ง่ะ
สักชั่วโมงก็ถึงค่ะ ถ้านั่งรถอาจใช้เวลาค่อนวันมั้ง จริงๆชอบเที่ยวแบบลุยๆ แบบนั้นนะ แต่เห็นใจสมาชิกในทริป ให้เค้าเก็บแรงไปทริปอื่นกันด้วยเหอะ =_=
หนามบินบากัน น่อย น่อย
สเตปเดิมค่ะ หาแท็กซี่ให้ฟัน
โดนไป 12,000 kyat สนามบินไกลค่ะ ราคานี้ โอเคอยู่ ได้ 2 คันค่ะ อิอิ
อ่อ 1000 kyat = 1 usd = 30 บาท คิดง่ายๆ
ไม่นาน เกือบชั่วโมง แท็กซี่ก็พามาส่งที่โรงแรมค่ะ เหมือนแต่ละเมืองโรงแรมจะน้อยมาก พอเราบอกว่าจะไปโรงแรมชื่อนี่ เค้ารู้จักทันทีค่ะ ไม่ต้องรอบอกว่าชื่อถนนอะไร อยู่ตรงไหนให้เมื่อย อิอิ
ตลอดข้างทางก็จะเป็นเมืองเก่าเหมือนสุโขทัยแบบนี้ค่ะ
เรื่องหนึ่งที่น่ายกย่องของเมืองนี้คือ เรื่องความสะอาดค่ะ ดูบ้านเมืองสะอาดตาดี ให้ 5 ดาว อิอิ
ถึงแล้วค่ะ โรงแรมชื่อ เมขลา จำง่ายดี อิอิ
เมืองนี้ยังใช้รถม้าสัญจรอยู่ค่ะ มองเห็นได้ทั่วไป สามารถใช้บริการได้ด้วย
ทำหน้าที่หัวหน้าทัวร์ลูกเป็ดที่ดีค่ะ จองห้องมาจากเว็บนึง มันพอสำหรับ 5 คน เป็น ลาสรูมแล้วค่ะ ตามที่เว็บบอก แต่อชิพอจะรู้ค่ะ ว่า ทางโรงแรมไม่ยอมแบ่งห้องให้พวกบุคกิ้งเอเจนซี่พวกนี้หมด เค้าเก็บเอาไว้ให้พวกวอร์คอินด้วย ตอนนี้กำลังทำรีสอร์ทค่ะ ลังเลอยู่ว่าจะดีหรือไม่ดีถ้าเอาลงเว็บไซต์จองโรงแรมพวกนี้ เพราะของเราเป็นขนาดเล็กค่ะ แนวfamily business ทำเองทุกอย่าง อุ้ย นอกเรื่องละ กลับมาๆๆๆ
แล้วไอเราก็กลัวจะไม่มีที่นอน ก็จองไปก่อน ค่อยไปแก้สถานการณ์กันเอาดาบหน้า แบบขอ extra bed อะไรยังไงก็ได้น่า
สรุป มี ค่ะ แบ่งห้องกันนอน 3:3 สบายๆ
ห้องโอเค ใช้ได้ นอนหลับสบายเลยทีเดียวค่ะ แอร์ฉ่ำดี
ราคาต่อห้อง 40,000 ค่ะ เอาเป็นว่า เฉลี่ยแล้ว ตกคนละ 400 บาท
เอามาเผื่อเป็นข้อมูลค่ะ ถ้านั่งรถบัสข้ามเมืองราคาไม่แพงเลยค่ะ
ป่ะ ได้เวลาออกไปล่า เจดีชเวสิกอน และ ทะเลเจดีย์กันแล้วววว
ที่แรกที่ไปคือเจดีย์ ชเวสิกอน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 แห่ง ของประเทศพม่า ส่วนประวัติไม่พูดกันให้ยืดยาวนะคะ ชเวสิกอนแปลว่า พื้นที่แห่งชัยชนะ ที่เหลือ อากู๋กันเลยค่ะ
ไม่ให้ดูรูปเยอะค่ะ ให้ไปดูเอง อิอิ เอามาให้ดูหมด เดี่ยวไปเที่ยวไม่หนุก เหมือนโดนสปอยหนัง
เหมารถทั้งวัน เป็นรถตู้ค่ะ ราคา 45,000 ค่ะ 1,350 บาท 6 คน แอ่วทั่วพุกามค่ะ
ไปวัดเยอะมาก จากวันนั้นถึงวันนี้ อาจจะเป็นเวลา แค่เพียง เดือนกว่า แต่จำไม่ได้ค่ะ ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน รู้แค่ว่า ไปไหนมาบ้าง เอาเป็นว่าดูรูปไปเรื่อยๆละกันนะคะ ดูว่ามันอลังการ น่าไปแค่ไหน ส่วนท่านที่ไม่เคยไปนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ ว่าจะไม่ได้ไปวัดนั่นวัดนี่ กลัวพลาด นู่นนั่นนี่ อย่าไปกลัวค่ะ ถ้าเหมารถ เค้าพาไปหมดแบบเต็มแมกซ์เลยค่ะ เอาแบบเราบอกว่า พอๆ ไปลงรถแล้ว ขอขับผ่านพอจ้าาาาาา คนพม่าใจดีมากค่ะ เคี้ยวหมากตลอดเว ทั้งวัยรุ่น คนแก่ บางทีก็ควรระวังเวลาเดิน หรือหาที่นั่งด้วยนะคะ
ชมภาพ ที่เอามาฝากค่ะ ภาพไม่สวย ห้ามติ ค่ะ
เอาแพะพม่ามาให้ดูค่ะ ดูแพะนะ อิอิ
อันนี้เป็นเจดีย์ติโลมินโล หรือวัดฉัตรตั้งค่ะ ประมาณว่า ตอนนั้นเค้าต้องการจะเสี่ยงทายหากษัตริย์ปกครอง ซึ่งตอนนั้นกษัตริย์ A (นามสมมุต) ได้มีลูกหลายคน จึงต้องการจะเสี่ยงทายเพื่อความเสมอภาคกัน จึ่งตั้งฉัตรไว้ ถ้าล้มไปที่ผู้ใดก็จะได้เป็นค่ะ ก่อนหน้านั้นท่านได้รับปากพระชายาของพระองค์คนนึงว่าจะให้เป็น แต่ภายหลังดันมาเสี่ยงฉัตร แต่ยังไงๆ ฉัตรก็ล้มไปที่บุตรของพระชายาองค์นั้นค่ะ Happy !
ต้องขออภัยที่กล่าวนามไม่ได้ จำไม่ได้เลยค่ะ ชื่อกษัตริย์พม่า พระชายา อนุ บุตร เยอะแยะมากมายหลายยุคจริงๆ
ต่อ ๆๆ
ช่วงเช้าจบไปแล้วค่ะ ภาพปนๆ นะคะ พักเที่ยงทานอาหารพม่าดีกว่า ที่ร้านนี้ คนขับรถแนะนำค่ะ
คาดว่าจะได้ค่าน้ำเยอะ
อาหารพม่าค่ะ คิดเป็นหัว ตกคนละ 100 กว่าบาท หน้าตาคล้ายอาหารเหนือ แต่รสชาติไม่ใกล้เคียงเลยค่ะ
ไม่ถูกปากค่ะ
มีร้านอาหาร ฝั่งตรงข้าม ราคาถูกค่ะ แต่คนขับรถไม่ได้แนะนให้พวกเรา วันหน้าใครได้ไป ช่วยมารีวิวให้ทีนะคะ
พรุ่งนี้มารีวิวต่อ วันนี้ขอตัวค่ะ เป็นวัยรุ่นปวดหลังงิ
มาชมภาคบ่ายต่อค่ะ
พี่คนขับใจดีมาก อย่างที่บอก รันโปรแกรมตามที่เค้าทำทุกที ทุกวัดค่ะ จนพวกเราเหนื่อยสุดๆ ตอนเย็นแพลนจะไปนั่งดูพระอาทิตย์ตก ชมวิวทะเลเจดีย์กัน แต่ตอนนี้เที่ยววัดกันต่อ
เจดีย์น้ำเต้าค่ะ บุพญาเจดีย์ (ทำการบ้านๆ อิอิ) เมื่อชาวพม่าเดินทางค้าขายทางเรือล่องตามแม่น้ำอิรวดี พอมาเห็นเจดีย์น้ำเต้านี้ ก็จะเข้าใจว่ามาถึงเมืองพุกามแล้ว
วิหารมหาโพธิค่ะ เลียนแบบเจดีย์พุทธคยา ในประเทศอินเดีย
พอเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปด้านใน ก็เจอกับเจ๊คนนึง แม้อากาศร้อนๆ แกก็อารมณ์ดีมาก พวกเราเลยขอแตกแบงค์ใหญ่กับแก 5 นาทีเธอกลับมา แล้วก็นั่งคุยกัน รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง
เธอชื่อแมมมู เป็นคนพม่าอารมณ์ดี ปักหลักหากินอยู่แถวๆวัดนี้ นั่งคุยไปคุยมา ก็คุยถึงทะนาคา หรือแป้งพม่าบนหน้าเค้า เค้าก็บอกว่าตามมาๆๆ เดี๋ยวทำให้ เค้าก็ชวนไปบ้าน แล้วทุกคนก็เดินตามไป ... ไม่น่าเสียหายอะไร ซึ่งเดินออกมาจากวัดได้ไม่ถึงยี่สิบก้าว ก็เจอเพิงขายของ
เธอเริ่มฝนทะนาคาแล้วแต้มให้กับทุกคนทีละคน
แล้ว ทุกคนก็เริ่มสนใจวัตถุที่ชื่อว่า "ทะนาคา"
สรุป ได้กลับมาเป็นของฝากกันคนละแพ็คสองแพ็ค อิอิ
ถ่ายรูปกับแมมมู พร้อมบอกลากันเสร็จสิ้น ก็ตัดสินใจไปเดินตลาดกันดีกว่า
ส่วนตอนนี้อยากไปดูตลาดบ้านเค้ามากกว่า ว่ามีอะไรขายบ้าง เลยบอกคนขับเค้าว่าไปตลาดกันเล้ยยย
มาดูตลาดสดพม่ากัน
เนื่องจากอากาศร้อนมากค่ะ พวกเราซื้อน้ำอ้อยดื่มกัน วันนึง ไม่ต่ำกว่า 2-3 แก้วเลยค่ะ
น้ำอ้อยบางเจ้า แต่ส่วนใหญ่เลย จะใส่มะนาวลงไปด้วย รสชาติก็จะออกหวานๆแกมเปรี้ยวนิดๆ พ่อชอบมากกกกก ส่วนเราคิดว่าเอาไปใส่เป็นน้ำผึ้งมะนาวจะเวิร์คกว่า ลองไปชิมกันดูค่ะ อากาศร้อนแบบนี้ อะไรก็ขอเย็นๆกระเอื้อกลงคอให้หมด
คนชับรถมาส่งที่ตลาดให้พวกเราเดินเล่นกัน สัก 30 นาที ที่จำกัดเวลาตรงนี้ก็เพราะว่า ไม่ได้ซื้อซิมการ์ดเอาไว้โทรค่ะ ไปต่างประเทศ ถ้าไม่ได้ไปเรียน หรือไปค่าย หรือไปทำอะไรนานๆ เน้นเที่ยวอย่างเดียวจะไม่ซื้อซิมค่ะ
1 ไม่อยากเสียเวลาอัพรูป เช็คอิน เช็คเฟส อัพเฟส บลาๆๆๆๆๆ
2 ถ้ามีเน็ต เราจะใช้หาแมพ ซึ่ง ไม่เอาดีกว่า ไม่มันส์ค่ะ
3 เปลืองตัง
ประมาณนั้น เพราะฉะนั้น เพื่อนๆส่วนใหญ่จะเห็นเราอัพรูปหลังจากกลับจากเที่ยวแล้ว แบบ ตู้มมม เบื่อ ตาลายกันไปเลย ฮิฮิ
ทะนาคา ใช้ฝนกับน้ำ แล้วเอามาทาหน้าค่ะ
กำลังหาวิดิโอที่ถ่ายตอนคุยกับป้าแมมมูไว้ ตอนที่แกทาทะนาคาให้ ยังหาไม่เจอเลยยย
สรุป ถามแกแล้วว่าทะนาคาดีอย่างไร
แกบอกว่า หน้าใส ไร้สิว แล้วก็ทำให้เย็นที่หน้าด้วยยยย (( ก็ผสมน้ำนี่นา )) แต่ก็ซื้อมาละค่ะ
อ้อ เห็นเพื่อนๆไปตปท แล้วก็เปิดรับพรีออเดอร์กัน คิทแคทชาเขียว อีตูดี้มั่ง เราเปิดพรีอยู่ช่วงหนึ่ง แค่ 2 ชั่วโมงก่อนบินไปย่างกุ้ง
"พรีออเดอร์ทะนาคา กับ สโล่งพม่า สั้น เสมอหู" ค่ะ กระแสตอบรับไม่ดีเลย สงสัยยังเจาะกลุ่มตลาดไทยมิด้ายยยยยยยยยย อิอิ
เมี่ยงงงงงง
แวะซื้อรองเท้าแตะค่ะ สีแดงที่ใส่ 60 บาท
รองเท้าแตะของพ่อขาดค่ะ ส่วนน้าอ้อมไม่ได้เอาแตะไปเอาแต่ผ้าใบไป
อ่อ ไปพม่านะคะ ลองเปรียบเทียบดูว่า คุณไม่อยากถอดรองเท้าและใส่รองเท้ายากก่อนเขาวัด ให้ใส่แตะไป
แต่ถ้าต้องการรองเท้าที่เดินทางสะดวก เพราะเดินทั้งวัน ขึ้นรถลงเรือ ก็ผ้าใบค่ะ จะเอาไปทั้งสองแบบเลยก็ได้
วัดพม่าทุกวัด ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าค่ะ บางวัดให้ถอดตั้งแต่ปากทางเข้า เพราะเค้าเคร่งครัดกันมากในเรื่องนี้
ตราช่างโบราณ
มะพร้าวลูกเท่าหัวเลยค่ะ ลูกใหญ่ แต่น้ำไม่อร่อยเหมือนมะพร้าวน้ำหอมหรือมะพร้าวเผาบ้านเราเลย
ไปต่อกันค่ะ
ด้านในแต่ละวัดก็จะมีจิตรกรรมฝาผนังให้ดูกันค่ะ โดยรวมแล้ว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
สถานที่สุดท้าย ท้ายสุดของวัน
คนขับพามาดูพระอาทิตย์ตกดินที่ เจดีย์ชเวซันดอ Shwesandaw เป็นจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกที่นิยมมากๆ
หากใคร มีโอกาสได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่อื่น แนะนำกันมาได้นะคะ เพราะ bird eyes view อาจจะ สวยแปลกตากันไป
เจดีย์ชเวซันดอ ค่ะ
ซูมใกล้ๆ นักท่องเที่ยวเริ่มมากันจับจองที่นั่งกันแล้ว
ตรึมค่ะ เราถอดรองเท้ากันตั้งแต่ตรงนี้ก่อนเข้าไปก็ได้ค่ะ ลุงๆป้าๆก็ถอดไว้ในรถ ส่วนเราลืมตัวใส่ลงมา ก็ไปถอดก่อนขึ้นเจดีย์ค่ะ
อ้อยอิ่งกันเหมือนเดิมค่ะ ทานน้ำมะพร้าวเพิ่มพลังก่อนปีนเจดีย์ ฮิฮิ
เด็กชายผมทองคนนั้นกำลังพรีเซนท์ โปสการ์ดของแกอยู่ ตื้อมากค่ะ ลุงดุลเดินไปเข้าห้องน้ำ แกก็เดินตามไป ใช้ลูกตื้อสยบลุงดุลไปได้อีกหนึ่งราย อิอิ
ขึ้นไปแล้วมองลงมา สูงใช่ย่อยเลยนะเนี่ยยย
วัดต่างๆที่เราไปมาเมื่อกลางวัน จะมองเห็นได้จากจุดนี้ค่า เพราะบางวัด บางเจดีย์ สูงใหญ่ อลังการมากกกก
ผู้คนมาจากทั่วสารทิศ ทั้งฝรั่ง จีน ไทย เยอะแยะมากมาย มารอชมพระอาทิตย์ตกดินกัน
รวมถึงพระด้วยนะโยมม
ได้เวลาลงแล้วค่ะ กลับเข้าที่พัก ทานอาหารเย็นแถวๆโรงแรม
มื้อเย็น อาหาร 3-4 อย่าง หมดไป 11,400 จั๊ต หรือประมาณ 350 บาท ถูกมากค่ะ แต่อาหารช้ามากกกก เหมือนกัน
ร้านอาหารแถบนี้ มี wifi ด้วย แอบอืดค่ะ
ลาด้วยคลิปวิวที่ทุ่งทะเลเจดีย์ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้บินไปมัณฑะเลย์กัน
No comments:
Post a Comment